พิเศษ 4 : นวัตกรรมบิกินี่ตัวจิ๋ว เพิ่มพื้นที่ผิว ลดค่าตัวเหลือง
- รายละเอียด
- หมวด: มหกรรมคุณภาพ 2563
- ฮิต: 19866
ชื่อผลงาน : นวัตกรรมบิกินี่ตัวจิ๋ว เพิ่มพื้นที่ผิว ลดค่าตัวเหลือง
เจ้าของนวัตกรรม : น.ส. นนทยา นาคะสิงห์
ชื่อหน่วยงาน : หอผู้ป่วยพิเศษ 4
บทนำ : ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด เป็นภาวะที่พบบ่อยและสามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ เป็นปัญหาเจ็บป่วยที่สำคัญของทารกแรกเกิดในระยะสัปดาห์แรกหลังเกิด เป็นภาวะที่ทารกมีระดับบิลิรูบินในเลือดสูงกว่าค่าปกติ เนื่องจากทารกมีขีดจำกัดในการกำจัดบิลิรูบิน ทำให้สารสีเหลืองคั่งอยู่ตามร่างกาย ดังนั้นการส่องไฟรักษาที่มีประสิทธิภาพมีจุดมุงหมายเพื่อลดระดับค่าบิลิรูบินในกระแสเลือด และป้องกันการเกิดภาวะสมองพิการ ประสิทธิภาพในการส่องไฟจะเพิ่มขึ้นหากเพิ่มพื้นผิวสัมผัสแสงในตัวทารกเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวปฏิบัติหลายอย่าง เช่น การใช้ผ้ากั้นไว้โดยรอบแผงไฟทั้ง 3ด้านเพื่อช่วยป้องกันการกระจายของแสง การถอดเสื้อผ้าโดยเหลือเพียงผ้าอ้อมอย่างเดียว การจัดท่านอนให้นอนตรงกลางแผงไฟและเปลี่ยนท่านอนหงาย-ตะแคงทุก 2-4 ชั่วโมงเพื่อให้ผิวหนังทุกส่วนได้สัมผัสแสงไฟ กระตุ้นให้ทารกดูดนมมารดาทุก 2-3 ชั่วโมง เป็นต้น จากการปฏิบัติที่ผ่านมาการนุ่งผ้าอ้อมจะทำให้ปิดผิวกายมากทำให้บริเวณส่วนล่างของทารกได้รับแสงลดลงซึ่งอาจทำให้สารบิลิรูบินถูกขับออกได้น้อยลง ซึ่งได้มีการจัดทำนวัตกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการส่องไฟรักษาในบริเวณดังกล่าวโดย การใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ แทนผ้าอ้อมทารก ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องไปทารกตัวเหลืองได้ดีในเรื่องการเพิ่มพื้นที่ผิวในการส่องไฟรักษาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
โดยปกติหอผู้ป่วยพิเศษ 4 โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ซึ่งให้การดูแลมารดาและทารกหลังคลอดมีสถิติการดูแลทารกตัวเหลืองในปี 2561 จำนวน 392 ราย ปี 2562 จำนวน 454 ราย และในปี 2563 (ตุลาคม-พฤศจิกายน) จำนวน 155 ราย และไม่พบการส่องไฟเพื่อรักษาตัวเหลืองนานเกิน 3 วัน ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้นวัตกรรมการใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ แทนผ้าอ้อมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องไฟทารกตัวเหลืองในเรื่องการเพิ่มพื้นที่ผิวในการส่องไฟรักษาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากปัจจุบันเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้เกิดการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันที่สำคัญอย่าง หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (surgical mask) ซึ่งจำเป็นต้องใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงหรือรักษาคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ดังนั้นจึงทำให้ต้องหยุดการใช้นวัตกรรม หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ แทนผ้าอ้อมทารกในการส่องไฟทารกตัวเหลืองในทันที และกลับมาใช้ผ้าอ้อมหรือแพมเพิสเหมือนเดิมซึ่งทำให้ลดพื้นที่ผิวกายสัมผัสแสงและอาจทำให้ประสิทธิภาพในการส่องไฟลดลง จากปัญหาดังกล่าวจึงกลับมาทบทวนปัญหาและคิดหาหนทางในการแก้ปัญหา ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่โดยการใช้ผ้าแทนโดยตัดเป็นบิกินี่ตัวจิ๋วแทน หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเพิ่มพื้นที่ผิวในการส่องไฟรักษา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการขจัดบิลิรูบินออกจากร่างกาย ค่าบิลิรูบินลดลง ลดค่าใช้จ่าย และวันนอนโรงพยาบาล ทีมพยาบาลที่ดูแลรวมถึงมารดาบิดาและญาติของทารกที่ได้รับการส่องไฟมีความพึงพอใจ และคลายความวิตกกังวลจากการเห็นบุตรป่วยเนื่องจากประสิทธิภาพในการส่องไฟเพิ่มขึ้น ทำให้ทารกอาการดีตัวเหลืองลดลงและสามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น
วัตถุประสงค์
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องไฟทารกแรกเกิดที่มีภาวะตัวเหลือง
วิธีการปฏิบัติ
1. ทบทวนปัญหา
2. หาแนวทางแก้ไข และคิดค้นนวัตกรรม
3. ทดลองใช้นวัตกรรม
4. ประเมินผล
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
การส่องไฟมีประสิทธิภาพมากขึ้น ค่าบิลิรูบินลดลง ลดค่าใช้จ่าย วันนอนโรงพยาบาลลดลง
อุปกรณ์ที่ใช้ประดิษฐ์
1. ผ้าตัดเป็นชิ้นตามขนาดที่วางไว้
2. กรรไกร เข็มหมุด จักรเย็บผ้า ดินสอ ไม้บรรทัด กระดาษ
วิธีการประดิษฐ์
1. ตัดกระดาษตามแบบ 2 ชิ้น ชิ้นที่ 1 ขนาด 9 ×22 เซนติเมตร จำนวน 1 ชิ้น ชิ้นที่ 2 ขนาด 3 ×17 เซนติเมตร จำนวน 4 ชิ้น
2. นำผ้าที่เตรียมไว้ มาตัดให้ได้ตามขนาด
3. นำผ้ามาเย็บ และต่อให้ได้สายสำหรับผูก 4 เส้น
วิธีการนำไปใช้
· นำผ้าอนามัย ติดลงบนผ้า
· วางรองก้นทารก
· ผูกสายทั้ง สองข้างเหมือนบิกินี่
ตัวชี้วัดความสำเร็จของผลงานและผลลัพธ์
ตัวชี้วัด |
เป้าหมาย |
ผลลัพธ์ก่อนการดำเนินการ |
ผลลัพธ์ที่ปฏิบัติได้ |
อัตราความพึงพอใจของผู้รับบริการ |
≥80% |
N/A |
92% |
อัตราความพึงพอใจของบุคลากรต่อนวัตกรรม |
≥80% |
N/A |
98% |
ผลการดำเนินงาน
หลังจากใช้บิกินนี่ตัวจิ๋วกับทารกแรกเกิดที่ตัวเหลืองและได้รับการส่องไฟรักษาพบว่า บิดามารดา และทีมพยาบาลมีความพึงพอใจ ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวในการเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องไฟ สามารถถอดออกง่าย ทำความสะอาดทารกสะดวกเมื่อมีการขับถ่าย
บทเรียนที่ได้รับ
เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติและไม่สามารถใช้อุปกรณ์ที่เคยใช้ได้ การร่วมมือร่วมใจที่จะคิดค้นนวัตกรรมทดแทนเป็นสิ่งสำคัญมาก และทำให้เกิดความภาคภูมิใจที่สามารถทำให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพเท่าเดิม